Someone once told me I can be as sad as I want
(ครั้งหนึ่งเคยมีคนบอกเราว่า เราสามารถจะรู้สึกเศร้าแค่ไหนก็ได้ตามที่ต้องการ)
just make sure I'm still doing things
(เพียงแค่ว่า เราต้องมั่นใจว่าเรายังคงทำนู่น ทำนี่อยู่)
and that has changed the way I view everything.
(และนั่นเปลี่ยนมุมมองของเราในการมองทุกสิ่ง)
I'm like it's fine that I'm sad right now
(เราก็แบบ มันไม่เป็นอะไรเลยคือตอนนี้เรากำลังเศร้าอยู่)
but let me go be sad at you yoga
(แค่ปล่อยเราไปเศร้าที่โยคะร้อน)
and be sad while I'm taking my vitamins
(ปล่อยเราเศร้า ในขณะที่เรายังกินวิตามินอาหารเสริม)
and be sad while I'm learning ceramics
(ปล่อยเราเศร้า ในขณะที่เรากำลังเรียนวิธีทำเซรามิก)
and while I'm completing my tasks.
(และปล่อยเราเศร้า ในขณะที่เรายังทำหน้าที่ ทำงานของเรา)
This might sound depressing
(นี่มันอาจจะฟังดูหดหู่นะ)
but for me it's so elevating.
(แต่สำหรับเราแล้ว มันช่างเปิดโลกยิ่งนัก)
Because I know in like December, for example,
(เพราะว่า เรารู้ว่า ตัวอย่างเช่น ในเดือนธันวา)
I will be able to look at how much I've expanded myself
(เราจะสามารถเห็นได้ว่า ตัวเราพัฒนามากแค่ไหน)
and it won't matter that I was sad in November
(และมันไม่ได้สำคัญเลยว่า เราจะเศร้าในเดือนพฤศจิกา)
because sadness doesn't stick.
(เพราะว่าความเศร้ามันไม่ได้ติดอยู่ตลอดไปหรอกนะ)
It's what you do that shapes your life.
(สิ่งที่เธอทำต่างหากละ ที่มันจะกำหนดสร้างชีวิตเธอ)
And I kept doing things.
(และเราก็ทำนู่นทำนี่ต่อไปเรื่อยๆ)
And I shaped my life.
(และเราก็ได้กำหนดสร้างชีวิตเราเอง)
เศร้าได้ ท้อได้ แต่อย่าหยุดนะ
รัก
ยู่ยี่ ❤️